Mahasapkrit Insurance Consultant Blog ประกันชีวิต คืออะไร ทำไมต้องมี

ประกันชีวิต คืออะไร ทำไมต้องมี

ประกันชีวิต คืออะไร ทำไมต้องมี

ประกันชีวิต คือ สัญญาระหว่างบุคคล (ผู้ถือกรมธรรม์) และบริษัทประกันภัย ในข้อตกลงนี้ บริษัทประกันภัยตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต ให้กับผู้รับผลประโยชน์ที่กำหนดเมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต ผู้ถือกรมธรรม์จ่ายเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัทประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความคุ้มครอง

วัตถุประสงค์หลักของการประกันชีวิตคือ การให้ความคุ้มครองทางการเงินและการสนับสนุนแก่ผู้รับผลประโยชน์ของผู้ถือกรมธรรม์ในกรณีที่เสียชีวิต มาทำความรู้จักกับข้อมูลที่น่าสนใจของประกันชีวิตเพิ่มเติมกันดีกว่า

Mahasapkrit blog image

ประกันชีวิตเพื่อคนที่คุณรัก

จุดประสงค์ของการทำประกันชีวิตนั้นมีมากมายหลายแบบ แต่หลัก ๆ แล้วพื้นฐานก็คือการส่งต่อความเป็นอยู่ที่ดี ส่งต่อความมั่นใจทางการเงินให้กับคนในครอบครัว หลังจากที่เจ้าของกรมธรรม์ได้จากไป

  • การทดแทนรายได้: การประกันชีวิตช่วยทดแทนรายได้ของผู้ถือกรมธรรม์ เพื่อทำให้มั่นใจว่าผู้อยู่ในอุปการะ เช่น คู่สมรส บุตร หรือสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ สามารถรักษามาตรฐานการครองชีพได้ หลังจากที่ผู้ถือกรมธรรม์เสียชีวิต

  • ความคุ้มครองหนี้สินและค่าใช้จ่าย: ประกันชีวิตยังใช้ในการจัดการหนี้คงค้าง เช่น การจำนอง เงินกู้ หรือภาระผูกพันทางการเงินอื่น ๆ เพื่อให้ครอบครัวไม่ต้องรับภาระในการชำระหนี้เหล่านี้ ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต

  • เงินทุนเพื่อการศึกษา: ประกันชีวิตสามารถใช้เพื่อเป็นทุนสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตร หรือผู้รับผลประโยชน์อื่น ๆ ของผู้ถือกรมธรรม์ เพื่อทำให้มั่นใจว่าเป้าหมายทางการศึกษาจะไม่ถูกทำลายเนื่องจากข้อจำกัดทางการเงิน

  • ค่าทำศพและค่าใช้จ่ายสุดท้าย: การประกันชีวิต ยังครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานศพ การฝังศพ และค่าใช้จ่ายขั้นสุดท้ายอื่น ๆ แบ่งเบาภาระทางการเงินของครอบครัวในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

  • การวางแผนอสังหาริมทรัพย์: การประกันชีวิต ยังมีความสำคัญในการวางแผนอสังหาริมทรัพย์ จัดหาสภาพคล่องในการจ่ายภาษีอสังหาริมทรัพย์และค่าใช้จ่ายในการชำระบัญชีอื่น ๆ เพื่อให้สามารถรักษาและแจกจ่ายทรัพย์สินของครอบครัวได้ตามความประสงค์ของผู้ถือกรมธรรม์

Mahasapkrit blog image

ประเภทของประกันชีวิตพื้นฐาน 4 แบบ

การทำกรมธรรม์ประกันชีวิตนั้นมีหลายแบบ และในแต่ละแบบก็มีเงื่อนไขในการจ่ายค่าสินไหมที่แตกต่างกัน และมีการจ่ายค่าเบี้ยที่แตกต่างกันไปอีกด้วย ซึ่งทางมหาทรัพย์กฤษณ์ จะมาแนะนำประกันชีวิตพื้นฐาน 4 แบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดกัน

1. ตลอดชีพ

ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ กรณีเกิดการเสียชีวิต บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ ตามที่กำหนดไว้ เป็นการทิ้งเงินไว้ให้บุคคลที่อยู่ในความอุปการะ เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือใช้เป็นเงินทุนสำหรับการเจ็บป่วยครั้งสุดท้ายและค่าทำศพ เพื่อไม่ให้ตกเป็นภาระของผู้อื่น

2. สะสมทรัพย์

บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย และมีเงื่อนไข คือ ต้องมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา และจ่ายเงินเอาประกันภัย ให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อมีการเสียชีวิตลง ภายในระยะเวลาประกัน การประกันชีวิตในรูปแบบนี้ นำการคุ้มครองชีวิตและการออมทรัพย์มารวมกัน เงินด้านการออมทรัพย์ คือเงินที่ผู้เอาประกันภัยได้รับคืน เมื่อสัญญาครบกำหนด

3. ชั่วระยะเวลา

เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อมีการเสียชีวิตในระยะเวลาประกันภัย เพื่อความคุ้มครอง การเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร ซึ่งไม่มีส่วนของการออมทรัพย์ เบี้ยประกันภัยจึงต่ำกว่าแบบอื่น ๆ และจะไม่มีเงินเหลือคืนให้ ถ้าผู้เอาประกันภัยอยู่จนครบกำหนดสัญญา

4. เงินได้ประจำ

ประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ ให้แก่ผู้เอาประกันภัยทุกเดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขในกรมธรรม์ที่กำหนดไว้ สำหรับระยะเวลาการจ่ายเงินได้ประจำนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอา ประกันชีวิตที่จะเลือกซื้อ

การยกเว้นการจ่ายเงิน เอาประกันชีวิต

มีข้อจำกัดบางประการที่บริษัทประกันชีวิตจะไม่จ่ายเงินเอาประกันชีวิต โดยมาจากสาเหตุการเสียชีวิตดังนี้

1. ผู้รับประโยชน์ฆ่าผู้เอาประกัน จนเสียชีวิต

2. ผู้เอาประกันฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับจากวันทำสัญญา หรือวันต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้าย

การเสียชีวิตที่เกิดจากสาเหตุเหล่านี้ บริษัทประกันชีวิตจะไม่จ่ายจำนวนเงินเอาประกันชีวิตให้ แต่จะทำการคืนเบี้ยประกันชีวิตที่ได้ชำระมาแล้วทั้งหมด

Mahasapkrit blog image

อีกหนึ่งข้อดีของเบี้ยประกันชีวิต กับการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคล

เบี้ยประกันชีวิตและเบี้ยประกันชีวิตบำนาญ นำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ดังนี้

1. เบี้ยประกันชีวิต นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 100,000 บาท

2. เบี้ยประกันชีวิต แบบบำนาญ นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ ซึ่งมีขั้นตอนการคำนวณ ดังนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 เบี้ยประกันชีวิต+เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท แต่ถ้าผู้เอาประกันภัยไม่มีกรมธรรม์ประกันชีวิต ก็สามารถนำเบี้ยแบบบำนาญ ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

  • ขั้นตอนที่ 2 เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ จากขั้นตอนที่ 1 นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และนำไปรวมกับเงินจ่ายเข้ากองทุน เพื่อการเกษียณอื่น ๆ เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) และกองทุนสงเคราะห์โรงเรียนเอกชน ไม่เกิน 500,000 บาท

มหาทรัพย์กฤษณ์ บริษัทนายหน้าประกันที่มีคุณภาพใส่ใจดูแลทุกความต้องการของลูกค้าแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ เพื่อนำเสนอประกันที่เหมาะสมกับความต้องการให้ได้มากที่สุด และมาพร้อมกับเบี้ยประกันที่ลูกค้าพึงพอใจ และสามารถเพิ่มสิทธิพิเศษต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับเงื่อนไขตามที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด ซื้อเบี้ยประกันวันนี้คิดถึง มหาทรัพย์กฤษณ์

Mahasapkrit Insurance Consultant Card ContactMahasapkrit Insurance Consultant Card Contact TelephoneMahasapkrit Insurance Consultant Card Contact Line IDMahasapkrit Insurance Consultant Card Contact Email
Mahasapkrit Insurance Consultant Card Contact Line ID