
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต ข้อมูลสำคัญก่อนซื้อประกัน
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต ข้อมูลสำคัญก่อนซื้อประกัน
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต ข้อมูลสำคัญก่อนซื้อประกัน
หัวใจสำคัญของการลดหย่อนภาษีก็คือ นำภาระที่มีมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษี เช่น ค่าเลี้ยงดูตนเอง ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ ค่าผ่อนบ้าน เป็นต้น แต่หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการนำมาใช้ลดหย่อนภาษีก็คือการลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต ซึ่งวันนี้ทางมหาทรัพย์กฤษณ์ก็จะมาแนะนำข้อมูลสำคัญ ก่อนที่คุณจะซื้อประกันพ่วงด้วยประโยชน์ในเรื่องของการลดหย่อนภาษีให้คุณได้ทำความรู้จักกัน

ทำไมการทำประกันชีวิต ถึงนำมาลดหย่อนภาษีได้?
เพราะการทำประกันชีวิต ก็คือการสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินในรูปแบบหนึ่ง เงินที่ได้จากการทำประกันสามารถให้ผลตอบแทนหรือชดเชยความเสียหายได้ ในรูปแบบของการได้รับเงินค่าสินไหมจากประกัน ทำให้ทางรัฐบาลจึงสนับสนุนให้ประชาชนทำประกันชีวิต และให้สิทธิลดหย่อนภาษีมาพร้อม ๆ กัน และนอกเหนือจากการใช้ประกันชีวิตเพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษีแล้ว ประกันแบบบำนาญเองก็สามารถนำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกัน

เงื่อนไขในการรองรับ นำประกันชีวิตมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษี
จากการกำหนดของกรมสรรพากร ประกันชีวิตที่จะนำมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษีได้เงื่อนไขอันดับแรกคือจะต้องเป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป โดยแบ่งออกเป็น ประกันชีวิตทั่วไป และประกันชีวิตแบบบำนาญ
ประกันชีวิตทั่วไป
สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุด 100,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา ให้ความคุ้มครองชีวิตจากการเสี่ยงภัย ตามช่วงระยะเวลาที่กำหนด เช่น 3 ปี / 5 ปี / 10 ปี เป็นต้น ซึ่งสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ถ้ามีอายุกรมธรรม์ 10 ปี ขึ้นไป
- ประกันชีวิตตลอดชีพ ให้ความคุ้มครองที่ยาวนานจนถึง อายุ 90 หรือ 99 ปี และมีระยะเวลาชำระเบี้ยประกันที่ 10 / 15 / 20 ปี
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ให้ความคุ้มครองชีวิตและเป็นเงินออม ในกรมธรรม์เดียวกัน โดยผู้ทำประกันจะได้รับเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เมื่อเสียชีวิต หรือเมื่อสัญญาครบกำหนด โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปี / 20 ปี / 30 ปี หรือครบอายุผู้เอาประกัน 60 ปี
นอกจากนี้ถ้าคุณได้รับเงิน หรือผลประโยชน์จากประกัน ในช่วงอายุกรมธรรม์ จะต้องได้ไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี ถึงจะมีสิทธินำเบี้ยประกัน ไปลดหย่อนภาษีได้

ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ประกันแบบเงินได้ประจำ เป็นประกันที่มีจุดมุ่งหมายใช้ในการเก็บเงินก้อน เพื่อใช้ในยามเกษียณอายุยามชรา ทำให้มีความมั่นใจว่าในยามที่หมดวัยทำงานแล้ว ผู้ที่ถือกรมธรรม์ก็ยังจะมีเงินไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอยู่ และทางบริษัทประกันก็จะทำการจ่ายเงินให้กับผู้ถือกรมธรรม์เป็นงวดเหมือนกับเงินบำนาญ และจะเริ่มมีการจ่ายเงินตามช่วงอายุที่กำหนดไว้เช่น 55 ปี - 85 ปี เป็นต้น
เบี้ยประกันชีวิตประเภทนี้ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้มากกว่าประกันชีวิตทั่วไป เพราะ ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง นำไปลดหย่อนได้สูงสุดถึง 200,000 บาท และต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน
นอกจากนี้เมื่อนำรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) / เงินที่ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ไม่เกิน 500,000 บาท
อย่าพุ่งเป้าไปที่การซื้อประกัน เพื่อนำมาลดหย่อนเพียงอย่างเดียว
ถึงแม้ว่าการซื้อประกันชีวิต จะมีประโยชน์ในเรื่องของการนำมาหักลดหย่อนภาษี แต่คุณก็ไม่ควรที่จะพุ่งเป้าไปที่การซื้อประกัน เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว แต่ประกันที่คุณซื้อนั้นจะต้องตอบโจทย์ให้ความคุ้มค่าในเรื่องของการให้ความคุ้มครอง และการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคุณด้วย โดยประกันแต่ละรูปแบบให้ความคุ้มครองที่โดดเด่น ดังนี้
1. ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา
คุ้มครองชีวิตระยะสั้น และ คุ้มครองชีวิตจากความเสี่ยง
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 100,000 บาท
2. ประกันชีวิตตลอดชีพ
ให้ความคุ้มครองชีวิตตลอดชีพ หรือคุ้มครองตามสัญญา ใช้ในการออมเงินเพื่อนำไปใช้ยามเกษียณหรือเมื่อหมดสัญญา หรือออมเงินเพื่อเป็นมรดกให้กับครอบครัวเมื่อเสียชีวิต
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 100,000 บาท
3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
ให้ประโยชน์ทางด้านการออมเงินพร้อมกับได้รับการคุ้มครอง หรือออมเงินให้บุตรหลาน
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 100,000 บาท
4. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
เป็นการออมเงินพร้อมกับได้รับการคุ้มครอง หรือออมเงินให้บุตรหลาน
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 100,000 บาท
5. ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ใช้เพื่อออมเงิน ทำให้มีเงินใช้ยามเกษียณไปตลอดจนกว่าจะเสียชีวิต หรือหมดสัญญา สามารถใช้
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 200,000 บาท* (ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน)
*มีเงื่อนไขเพิ่มเติม คือ เมื่อนำไปรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กบข. เงินที่ลงทุนในกองทุนรวม RMF และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
นอกเหนือไปจากการทำประกันชีวิตที่ใช้ในการลดหย่อนภาษีแล้ว ก็ยังมีประกันประเภทอื่น ๆ ที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่ลดหย่อนได้มากเท่าประกันชีวิต อย่าง ประกันสุขภาพ โดยให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย ต้องมีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตได้ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และเมื่อฝากเงินที่จ่ายไว้กับธนาคารที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อคุณทราบแล้วว่า เป้าหมายในการออมเงินของคุณเหมาะกับการทำประกันรูปแบบใด หลังจากนั้นคุณก็ค่อยวางแผน เพื่อนำมาทำประกันชีวิตตามที่ต้องการ
สารบัญเนื้อหา

วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต ข้อมูลสำคัญก่อนซื้อประกัน
สารบัญเนื้อหา
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต ข้อมูลสำคัญก่อนซื้อประกัน
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต ข้อมูลสำคัญก่อนซื้อประกัน
หัวใจสำคัญของการลดหย่อนภาษีก็คือ นำภาระที่มีมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษี เช่น ค่าเลี้ยงดูตนเอง ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ ค่าผ่อนบ้าน เป็นต้น แต่หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการนำมาใช้ลดหย่อนภาษีก็คือการลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต ซึ่งวันนี้ทางมหาทรัพย์กฤษณ์ก็จะมาแนะนำข้อมูลสำคัญ ก่อนที่คุณจะซื้อประกันพ่วงด้วยประโยชน์ในเรื่องของการลดหย่อนภาษีให้คุณได้ทำความรู้จักกัน

ทำไมการทำประกันชีวิต ถึงนำมาลดหย่อนภาษีได้?
เพราะการทำประกันชีวิต ก็คือการสร้างความมั่นคงทางด้านการเงินในรูปแบบหนึ่ง เงินที่ได้จากการทำประกันสามารถให้ผลตอบแทนหรือชดเชยความเสียหายได้ ในรูปแบบของการได้รับเงินค่าสินไหมจากประกัน ทำให้ทางรัฐบาลจึงสนับสนุนให้ประชาชนทำประกันชีวิต และให้สิทธิลดหย่อนภาษีมาพร้อม ๆ กัน และนอกเหนือจากการใช้ประกันชีวิตเพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษีแล้ว ประกันแบบบำนาญเองก็สามารถนำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกัน

เงื่อนไขในการรองรับ นำประกันชีวิตมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษี
จากการกำหนดของกรมสรรพากร ประกันชีวิตที่จะนำมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษีได้เงื่อนไขอันดับแรกคือจะต้องเป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป โดยแบ่งออกเป็น ประกันชีวิตทั่วไป และประกันชีวิตแบบบำนาญ
ประกันชีวิตทั่วไป
สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุด 100,000 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา ให้ความคุ้มครองชีวิตจากการเสี่ยงภัย ตามช่วงระยะเวลาที่กำหนด เช่น 3 ปี / 5 ปี / 10 ปี เป็นต้น ซึ่งสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ถ้ามีอายุกรมธรรม์ 10 ปี ขึ้นไป
- ประกันชีวิตตลอดชีพ ให้ความคุ้มครองที่ยาวนานจนถึง อายุ 90 หรือ 99 ปี และมีระยะเวลาชำระเบี้ยประกันที่ 10 / 15 / 20 ปี
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ให้ความคุ้มครองชีวิตและเป็นเงินออม ในกรมธรรม์เดียวกัน โดยผู้ทำประกันจะได้รับเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เมื่อเสียชีวิต หรือเมื่อสัญญาครบกำหนด โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปี / 20 ปี / 30 ปี หรือครบอายุผู้เอาประกัน 60 ปี
นอกจากนี้ถ้าคุณได้รับเงิน หรือผลประโยชน์จากประกัน ในช่วงอายุกรมธรรม์ จะต้องได้ไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี ถึงจะมีสิทธินำเบี้ยประกัน ไปลดหย่อนภาษีได้

ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ประกันแบบเงินได้ประจำ เป็นประกันที่มีจุดมุ่งหมายใช้ในการเก็บเงินก้อน เพื่อใช้ในยามเกษียณอายุยามชรา ทำให้มีความมั่นใจว่าในยามที่หมดวัยทำงานแล้ว ผู้ที่ถือกรมธรรม์ก็ยังจะมีเงินไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอยู่ และทางบริษัทประกันก็จะทำการจ่ายเงินให้กับผู้ถือกรมธรรม์เป็นงวดเหมือนกับเงินบำนาญ และจะเริ่มมีการจ่ายเงินตามช่วงอายุที่กำหนดไว้เช่น 55 ปี - 85 ปี เป็นต้น
เบี้ยประกันชีวิตประเภทนี้ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้มากกว่าประกันชีวิตทั่วไป เพราะ ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง นำไปลดหย่อนได้สูงสุดถึง 200,000 บาท และต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน
นอกจากนี้เมื่อนำรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) / เงินที่ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ไม่เกิน 500,000 บาท
อย่าพุ่งเป้าไปที่การซื้อประกัน เพื่อนำมาลดหย่อนเพียงอย่างเดียว
ถึงแม้ว่าการซื้อประกันชีวิต จะมีประโยชน์ในเรื่องของการนำมาหักลดหย่อนภาษี แต่คุณก็ไม่ควรที่จะพุ่งเป้าไปที่การซื้อประกัน เพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว แต่ประกันที่คุณซื้อนั้นจะต้องตอบโจทย์ให้ความคุ้มค่าในเรื่องของการให้ความคุ้มครอง และการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคุณด้วย โดยประกันแต่ละรูปแบบให้ความคุ้มครองที่โดดเด่น ดังนี้
1. ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา
คุ้มครองชีวิตระยะสั้น และ คุ้มครองชีวิตจากความเสี่ยง
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 100,000 บาท
2. ประกันชีวิตตลอดชีพ
ให้ความคุ้มครองชีวิตตลอดชีพ หรือคุ้มครองตามสัญญา ใช้ในการออมเงินเพื่อนำไปใช้ยามเกษียณหรือเมื่อหมดสัญญา หรือออมเงินเพื่อเป็นมรดกให้กับครอบครัวเมื่อเสียชีวิต
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 100,000 บาท
3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
ให้ประโยชน์ทางด้านการออมเงินพร้อมกับได้รับการคุ้มครอง หรือออมเงินให้บุตรหลาน
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 100,000 บาท
4. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
เป็นการออมเงินพร้อมกับได้รับการคุ้มครอง หรือออมเงินให้บุตรหลาน
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 100,000 บาท
5. ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ใช้เพื่อออมเงิน ทำให้มีเงินใช้ยามเกษียณไปตลอดจนกว่าจะเสียชีวิต หรือหมดสัญญา สามารถใช้
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: 200,000 บาท* (ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน)
*มีเงื่อนไขเพิ่มเติม คือ เมื่อนำไปรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กบข. เงินที่ลงทุนในกองทุนรวม RMF และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
นอกเหนือไปจากการทำประกันชีวิตที่ใช้ในการลดหย่อนภาษีแล้ว ก็ยังมีประกันประเภทอื่น ๆ ที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่ลดหย่อนได้มากเท่าประกันชีวิต อย่าง ประกันสุขภาพ โดยให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย ต้องมีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตได้ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และเมื่อฝากเงินที่จ่ายไว้กับธนาคารที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อคุณทราบแล้วว่า เป้าหมายในการออมเงินของคุณเหมาะกับการทำประกันรูปแบบใด หลังจากนั้นคุณก็ค่อยวางแผน เพื่อนำมาทำประกันชีวิตตามที่ต้องการ