
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัย เข้าใจง่าย
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัย เข้าใจง่าย
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัย เข้าใจง่าย
การวางแผนทางการเงิน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญ ที่จะเป็นส่วนช่วยในการการันตีในเรื่องของความปลอดภัยทางการเงินในอนาคตให้กับคุณได้ และหนึ่งในวิธีการวางแผนทางการเงินที่มีความสำคัญก็คือ การมีความใส่ใจในเรื่องของการลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะผู้ที่ในแต่ละปีจ่ายภาษีหนัก เสียภาษีในราคาสูง การทำความเข้าใจกับวิธีการลดหย่อนภาษีก็จะช่วยทำให้คุณนั้นพบกับความคุ้มค่าในการจ่ายภาษีในแต่ละครั้งได้
วันนี้ทาง มหาทรัพย์กฤษณ์ ก็จะมาแนะนำ 2 วิธีในการลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัยกัน พร้อมทั้งจะมาแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยทำให้คุณนั้นมีตัวเลือกในการลดหย่อนภาษีที่มีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

มหาทรัพย์กฤษณ์ ขอแนะนำ 2 วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัย
ในปัจจุบันนี้กรมสรรพากรเปิดทางเลือกให้แก่ผู้ที่มีรายได้ สามารถนำประกันชีวิตมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท (ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด) ทำให้การจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีความคุ้มค่ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ประกันทุกแบบที่จะสามารถนำมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษีได้ หรือประกันบางรูปแบบก็ไม่สามารถที่จะนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
ดังนั้นผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ในส่วนนี้ ก็จะต้องทำความเข้าใจกับข้อกำหนดของกรมสรรพากร เพื่อรับสิทธิประโยชน์สูงสุด โดยเบี้ยประกันที่กรมสรรพากรกำหนดให้ใช้ลดหย่อนภาษีได้ แบ่งออก 2 ประเภท ได้แก่
1. เบี้ยประกันชีวิตและเบี้ยประกันสุขภาพ
การทำกรมธรรม์ประกันชีวิต และการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพที่คุณทำให้ตัวเอง นำมาหักลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้สูงสุด ไม่เกิน 100,000 บาท มาพร้อมเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
- เบี้ยประกันสุขภาพ ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 25,000 บาท
- การทำประกันชีวิต ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- ถ้ามีเงินคืนระหว่างสัญญา เงินคืนสะสมต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันภัยชีวิตรายปี
- หรือไม่เกิน 20% เช่น จ่ายคืนทุก 2 ปี หรือ 3 ปี ให้ใช้เบี้ยประกันภัยสะสมในระยะเวลาดังกล่าวแทน
- แจ้งประสงค์ใช้สิทธิ์ขอยกเว้นภาษี จากเบี้ยประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิต เพื่อให้บริษัทฯ นำส่งข้อมูลกรมสรรพากร
2. เบี้ยประกันชีวิตของประกันแบบบำนาญ
การทำประกันให้ตัวเอง นำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และไม่เกิน 15% ของเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษี เงินก้อนนี้ถ้านำไปรวมเข้ากับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ / กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน เงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ / เงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และมีเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่
- กรณีไม่มีเบี้ยประกันชีวิต: คุณสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ไปหักลดหย่อนแทนเบี้ยประกันชีวิตได้ตามข้อ ก่อนได้ และจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 300,000 บาท
- กรณีมีคู่สมรสและทั้งคู่เป็นผู้ชำระเบี้ยสามารถแยกยื่นภาษี: ส่วนของเบี้ยประกันชีวิตของประกันแบบบำนาญ ก็สามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนในส่วนของตนเองได้ สูงสุดคนละ 200,000 บาท

ข้อควรรู้เพิ่มเติม
เบี้ยประกันสุขภาพที่ทำให้พ่อแม่ นำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญ ดังนี้
- บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย (ไม่รวมบุตรบุญธรรม)
- พ่อ - แม่ มีรายได้คนละไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
- พ่อแม่ อาศัยอยู่ในประเทศไทย
กรณีที่ผู้มีเงินได้ช่วยกันชำระเบี้ยหลายคน ต้องหักเฉลี่ยหักค่าลดหย่อนจำนวนเท่ากัน และรวมกันต้องไม่เกิน 15,000 บาท และในขณะเดียวกัน กรณีพ่อแม่ทำประกันชีวิตให้ลูก และพ่อแม่เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย พ่อแม่จะไม่สามารถนำเงินค่าเบี้ยประกันชีวิตไปลดหย่อนภาษีได้ เพราะจะนับเฉพาะเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต ที่ซื้อให้กับตัวเองหรือของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ และค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่ซื้อให้พ่อแม่เท่านั้น จึงจะสามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ข้อดีของประกันสุขภาพที่มีมากกว่าการนำไปลดหย่อนภาษี
อีกหนึ่งข้อมูลที่ทาง มหาทรัพย์กฤษณ์ อยากจะแนะนำให้คุณใส่ใจนั่นก็คือข้อดีของการทำประกันสุขภาพ ที่นอกเหนือไปจากการนำไปลดหย่อนภาษี การซื้อประกันใด ๆ คุณไม่ควรที่จะมุ่งเป้าไปที่การนำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมองถึงคุณประโยชน์ให้ครบถ้วนรอบด้าน เพื่อที่จะทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณนำไปใช้ในการจ่ายเบี้ยประกันนั้นมีความคุ้มค่า อย่างที่สุด โดยข้อดีของประกันสุขภาพที่มีมากกว่าการนำไปลดหย่อนภาษี มีดังนี้
- การเข้าถึงการรักษาพยาบาล: การประกันสุขภาพ ทำให้คุณเข้าถึงบริการทางการแพทย์และการรักษา โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเกินไป
- การดูแลเชิงป้องกัน: แผนประกันสุขภาพหลายแผน ครอบคลุมบริการเชิงป้องกัน เช่น การฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรอง และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ซึ่งสามารถช่วยตรวจหาและแก้ไขปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- ทำให้เกิดความสบายใจ: การมีประกันสุขภาพคุ้มครองอยู่จะช่วยลดความกังวล ลดความเครียดที่เกี่ยวข้องกับเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นหรือปัญหาสุขภาพ
และนี่ก็คือความสำคัญของการมีประกันสุขภาพ ประกันชีวิต และวิธีการลดหย่อนภาษีที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์กำหนดของกรมสรรพากร ถ้าคุณอยากได้คำปรึกษาที่เกี่ยวกับการซื้อประกันที่มีความคุ้มค่าเพิ่มเติม สามารถทักแชทหรือโทรเพื่อสอบถามกับทางทีมงานของมหาทรัพย์กฤษณ์ได้ทันที พร้อมให้บริการและให้คำแนะนำที่ดีที่สุดในเรื่องของการซื้อประกัน
สารบัญเนื้อหา

วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัย เข้าใจง่าย
สารบัญเนื้อหา
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัย เข้าใจง่าย
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัย เข้าใจง่าย
การวางแผนทางการเงิน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญ ที่จะเป็นส่วนช่วยในการการันตีในเรื่องของความปลอดภัยทางการเงินในอนาคตให้กับคุณได้ และหนึ่งในวิธีการวางแผนทางการเงินที่มีความสำคัญก็คือ การมีความใส่ใจในเรื่องของการลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะผู้ที่ในแต่ละปีจ่ายภาษีหนัก เสียภาษีในราคาสูง การทำความเข้าใจกับวิธีการลดหย่อนภาษีก็จะช่วยทำให้คุณนั้นพบกับความคุ้มค่าในการจ่ายภาษีในแต่ละครั้งได้
วันนี้ทาง มหาทรัพย์กฤษณ์ ก็จะมาแนะนำ 2 วิธีในการลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัยกัน พร้อมทั้งจะมาแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยทำให้คุณนั้นมีตัวเลือกในการลดหย่อนภาษีที่มีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

มหาทรัพย์กฤษณ์ ขอแนะนำ 2 วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันภัย
ในปัจจุบันนี้กรมสรรพากรเปิดทางเลือกให้แก่ผู้ที่มีรายได้ สามารถนำประกันชีวิตมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท (ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด) ทำให้การจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีความคุ้มค่ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ประกันทุกแบบที่จะสามารถนำมาใช้ในการหักลดหย่อนภาษีได้ หรือประกันบางรูปแบบก็ไม่สามารถที่จะนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
ดังนั้นผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ในส่วนนี้ ก็จะต้องทำความเข้าใจกับข้อกำหนดของกรมสรรพากร เพื่อรับสิทธิประโยชน์สูงสุด โดยเบี้ยประกันที่กรมสรรพากรกำหนดให้ใช้ลดหย่อนภาษีได้ แบ่งออก 2 ประเภท ได้แก่
1. เบี้ยประกันชีวิตและเบี้ยประกันสุขภาพ
การทำกรมธรรม์ประกันชีวิต และการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพที่คุณทำให้ตัวเอง นำมาหักลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงได้สูงสุด ไม่เกิน 100,000 บาท มาพร้อมเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
- เบี้ยประกันสุขภาพ ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 25,000 บาท
- การทำประกันชีวิต ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- ถ้ามีเงินคืนระหว่างสัญญา เงินคืนสะสมต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันภัยชีวิตรายปี
- หรือไม่เกิน 20% เช่น จ่ายคืนทุก 2 ปี หรือ 3 ปี ให้ใช้เบี้ยประกันภัยสะสมในระยะเวลาดังกล่าวแทน
- แจ้งประสงค์ใช้สิทธิ์ขอยกเว้นภาษี จากเบี้ยประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิต เพื่อให้บริษัทฯ นำส่งข้อมูลกรมสรรพากร
2. เบี้ยประกันชีวิตของประกันแบบบำนาญ
การทำประกันให้ตัวเอง นำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และไม่เกิน 15% ของเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษี เงินก้อนนี้ถ้านำไปรวมเข้ากับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ / กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน เงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ / เงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และมีเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม ได้แก่
- กรณีไม่มีเบี้ยประกันชีวิต: คุณสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ไปหักลดหย่อนแทนเบี้ยประกันชีวิตได้ตามข้อ ก่อนได้ และจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 300,000 บาท
- กรณีมีคู่สมรสและทั้งคู่เป็นผู้ชำระเบี้ยสามารถแยกยื่นภาษี: ส่วนของเบี้ยประกันชีวิตของประกันแบบบำนาญ ก็สามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนในส่วนของตนเองได้ สูงสุดคนละ 200,000 บาท

ข้อควรรู้เพิ่มเติม
เบี้ยประกันสุขภาพที่ทำให้พ่อแม่ นำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญ ดังนี้
- บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย (ไม่รวมบุตรบุญธรรม)
- พ่อ - แม่ มีรายได้คนละไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
- พ่อแม่ อาศัยอยู่ในประเทศไทย
กรณีที่ผู้มีเงินได้ช่วยกันชำระเบี้ยหลายคน ต้องหักเฉลี่ยหักค่าลดหย่อนจำนวนเท่ากัน และรวมกันต้องไม่เกิน 15,000 บาท และในขณะเดียวกัน กรณีพ่อแม่ทำประกันชีวิตให้ลูก และพ่อแม่เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย พ่อแม่จะไม่สามารถนำเงินค่าเบี้ยประกันชีวิตไปลดหย่อนภาษีได้ เพราะจะนับเฉพาะเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต ที่ซื้อให้กับตัวเองหรือของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ และค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่ซื้อให้พ่อแม่เท่านั้น จึงจะสามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ข้อดีของประกันสุขภาพที่มีมากกว่าการนำไปลดหย่อนภาษี
อีกหนึ่งข้อมูลที่ทาง มหาทรัพย์กฤษณ์ อยากจะแนะนำให้คุณใส่ใจนั่นก็คือข้อดีของการทำประกันสุขภาพ ที่นอกเหนือไปจากการนำไปลดหย่อนภาษี การซื้อประกันใด ๆ คุณไม่ควรที่จะมุ่งเป้าไปที่การนำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมองถึงคุณประโยชน์ให้ครบถ้วนรอบด้าน เพื่อที่จะทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณนำไปใช้ในการจ่ายเบี้ยประกันนั้นมีความคุ้มค่า อย่างที่สุด โดยข้อดีของประกันสุขภาพที่มีมากกว่าการนำไปลดหย่อนภาษี มีดังนี้
- การเข้าถึงการรักษาพยาบาล: การประกันสุขภาพ ทำให้คุณเข้าถึงบริการทางการแพทย์และการรักษา โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเกินไป
- การดูแลเชิงป้องกัน: แผนประกันสุขภาพหลายแผน ครอบคลุมบริการเชิงป้องกัน เช่น การฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรอง และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ซึ่งสามารถช่วยตรวจหาและแก้ไขปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- ทำให้เกิดความสบายใจ: การมีประกันสุขภาพคุ้มครองอยู่จะช่วยลดความกังวล ลดความเครียดที่เกี่ยวข้องกับเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้นหรือปัญหาสุขภาพ
และนี่ก็คือความสำคัญของการมีประกันสุขภาพ ประกันชีวิต และวิธีการลดหย่อนภาษีที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์กำหนดของกรมสรรพากร ถ้าคุณอยากได้คำปรึกษาที่เกี่ยวกับการซื้อประกันที่มีความคุ้มค่าเพิ่มเติม สามารถทักแชทหรือโทรเพื่อสอบถามกับทางทีมงานของมหาทรัพย์กฤษณ์ได้ทันที พร้อมให้บริการและให้คำแนะนำที่ดีที่สุดในเรื่องของการซื้อประกัน